วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Primo Posto@Khao Yai

ร้านนี้ตั้งอยู่บนถนนกุดคล้า-ผ่านศึก เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างถนนมิตรภาพ กับถนนธนรัชต์(ทางไปเขาใหญ่) ครับ
ร้าน Primo Posto เป็นอิตาเลี่ยนสไตล์ครับเปิดบริการ อาหาร ไวน์ กาแฟ ไอศกรีม และยังมีเปิดเป็นส่วนชอปปิ้ง ด้วยครับ


วันเวลาเปิด Primo Posto เปิดวันศุกร์ถึงอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์






แต่ในอนาคตอาจจะเปิดวันธรรมดาด้วย (อันนี้เป็นอนาคต นะครับ) อย่าได้เผลอไปวันธรรมดาหล่ะ






ขอบอกว่า ไอศกรีมที่นี่อร่อยมากครับ ใครที่ผ่านไปบ่อยๆน่าลองเเวะไปชิมดูนะ (ใครที่ไม่ผ่านจะเเวะไปลองก็ได้นะครับ) ส่วนของไวน์ก็ราคาไม่เเพงครับ





สำหรับร้านอาหาร จะเปิดเฉพาะมื้อกลางวัน และมื้อค่ำ





ร้านกาแฟที่นี่รสชาติดีเลยครับ ใครคอกาแฟก็ลองไปชิมดูได้ แล้วจะติดใจบรรยากาศ




ป้ายร้านที่เห็น นี่คือร้านอาหารครับ




ตรงฝั่งร้านกาแฟจะมีสวนสวยๆ



ดูแบบนี้เเล้ว ไม่น่าเชื่อว่าอยู่ในเมืองไทย



นึกว่าหลงไปอยู๋ต่างประเทศ ซะเเล้วเรา




ว่าด้วยการดื่มไวน์ และการเข้ากันได้ของไวน์กับอาหาร
บล๊อคหมายเลขสี่ครับ วันนี้เราได้รับการ Train เรื่องของไวน์จากคุณจุลพีระ สายตระกูล Wine Maker ของ PB Valley ครับ เลยเอามาถ่ายทอดให้เพื่อนๆ ได้รับทราบว่าการดื่มไวน์นั้น เป็นศาสตร์และศิลปอย่างหนึ่งทีเดียวครับเริ่มจากการเปิดไวน์เลยนะครับ ต้องใช้ที่เปิดไวน์โดยเฉพาะ ต้องรู้เทคนิคบางอย่าง เช่นการตัดอลูมิเนียมที่ฝาขวดให้สวยงาม การหมุนเกลียวที่ต้องเจาะลงไปตรงกลางจุกคอร์ค เพื่อทำให้การดึงขึ้นมาได้อย่างนิ่มนวล และการรินไวน์ที่ไม่มีการหก ทั้งหมดนี้ถ้าทำได้ดีแล้วจะดูเท่จริงๆ ครับ ไม่เชื่อลองถามพวกไวน์บัทเลอร์ หรือกัปตัน-เวทเตอร์ที่ทำอยู่ประจำดูก็ได้แล้วก็มาถึงการดื่มไวน์ อันดับแรกต้องแกว่งแก้วที่มีไวน์ก่อนนะครับ เพื่ออะไร เพื่อให้น้ำไวน์ไปเกาะที่รอบๆ แก้ว จากนั้นดมครับ เพื่อให้รับทราบกลิ่นไวน์ที่ทำให้เรามีความรู้สึกสดชื่นจากกลิ่นหอมของไม้โอ๊ค กลิ่นผลไม้ที่มาจากการบ่มและหมักเป็นเวลานานนับปีนั่นเองก่อนที่จะดมกลิ่นไวน์ เราควรจะมองดูการไหลลงของไวน์หลังจากการแกว่งแก้วก่อนครับ โดยยกขึ้นส่องกับแสงอาทิตย์ได้ยิ่งดี เพราะเมื่อแกว่งแก้วแล้ว ไวน์จะรวมตัวกันและไหลลงมาเป็นทาง ตรงนี้เรียกว่า Wine Tear น้ำตาไวน์ครับ น้ำตาไวน์จะไหลลงมาเป็นเส้น ซึ่ีงเรียกว่า Wine Leg หรือขาไวน์ ขาไวน์จะบอกให้เรารู้ว่าไวน์นั้นมีปริมาณแอลกอฮอล์แค่ไหน ถ้าขาไวน์เป็นเส้นเล็กและลีบ หมายถึงแอลกอฮอล์สูงกว่าขาไวน์ที่กว้างกว่า สาเหตุก็คือเมื่อมีแอลกอฮอล์สูง ก็ย่อมจะระเหยได้เร็ว ขาไวน์ก็จะปรากฏเป็นเส้นเล็กและแคบนั่นเองครับ อย่างไรก็ตาม ไวน์ส่วนใหญ่จะมีปริมาณแอลกอฮอล์ไม่เกิน 15 ดีกรีครับหลังจากดม ก็ดื่มได้ครับ แต่ควรดื่มเล็กน้อยก่อน อมไว้ในปากเพื่อให้รับรู้ถึงรสชาติของไวน์ว่าหวาน-เปรี้ยว-ฝาดเพียงใด เนื่องจากไวน์นั้นจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมันเองดังนี้ครับไวน์ขาว ต้องแช่เย็น จะให้ความสดชื่นจากกลิ่นและรสชาติที่มีความเปรี้ยวเล็กน้อย เหมาะกับอาหารทะเล หรืออาหารที่มีกลิ่นแรง เพื่อดับคาวหรือกลิ่นนั่นเองไวน์แดง ไม่จำเป็นต้องแช่เย็น(แต่บ้านเราแช่หน่อยก็ดีครับ) จะให้รสชาติที่หวานและฝาดเล็กน้อย เหมาะกับอาหารประเภทเนื้อสัตว์บกเช่นวัว, แกะ, หมู เป็นต้น เพราะความหวานและฝาดเล็กน้อยของไวน์แดงจะไปเสริมรสชาติของเนื้อสัตว์เหล่านี้ครับไวน์สีชมพู หรือโรเช่ ต้องดื่มเย็นครับ ไวน์โรเซ่นี่อยู่กลางๆ ระหว่างไวน์ขาวและไวน์แดง มีทั้งความสดชื่น-ความเปรี้ยวเล็กน้อย-ความหวาน จึงสามารถเข้ากันได้ดีกับอาหารทุกประเภท โดยเฉพาะอาหารไทย เพราะอาหารไทยส่วนใหญ่จะมีรสชาติที่ถูกปรุงแต่งค่อนข้างมาก ไวน์โรเซ่จึงเหมาะอย่างยิ่งกับอาหารไทยครับมีอาหารบางอย่างที่ไม่เหมาะกับไวน์ครับ เช่น ไข่ต้ม พริก อาร์ติโช้ค แอสพารากัส เนื่องจากสิ่งเหล่านี้จะมีสารบางอย่างที่ทำให้รสชาติของไวน์เปลี่ยนไปนั่นเองครับ








ไม่มีความคิดเห็น: