วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Giant yakiniku

บรรยากาศร้าน

Giant Yakiniku สถานที่: ชั้น 3 ตึกฟูจิซูเปอร์ฯ ซอยพร้อมพงษ์ (เข้าด้านเพชรบุรีจะใกล้มาก) โทรศัพท์: 02-662-2986 เวลาบุฟฯ: จันทร์ - พฤหัส 11:00 - 23:00 น. ราคา: 450 net (รวมเครื่องดื่ม) ระยะเวลา 2 ชั่วโมง





ชาข้าวบารเล่ย์

เตาถ่าน

ข้าวกระเทียม














ผักสดๆ กับกิมจิ

หมู


กุ้งๆๆๆ

แซลมอน

ย่างโชว์





































































































































































































วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Party @ Seasoning - 21/06/08




Get together @ Seasoning ...
We all had fun that night, the restaurant's good !!!!!

วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ระเบียงทะเล ร้านสวยริมแม่น้ำเจ้าพระยา


"ระเบียงทะเล” บางคนอาจคุ้นหูแล้ว เพราะเคยไปทานมาก่อน ที่นี่มี 2 สาขา คือ ที่ บางปู และอีกที่หนึ่ง คือ ในซอยจรัญฯ 86/1 ...ร้านอาหารระเบียงทะเลเป็นร้านอาหารไทยสไตล์ซีฟู้ด บรรยากาศโมเดิร์นโก้เก๋ ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตกแต่งด้วยสีขาว สะอาดสะอ้าน ยิ่งโดดเด่นมาก หากมองจากเรือด่วนแม่น้ำเจ้าพระยาในยามค่ำคืน หากคุณขับรถผ่านมาทางถนนจรัญฯ ก็อย่าลืมแวะมา ร้านตั้งอยู่ในสุดซอย 86/1 พร้อมที่จอดรถมากมาย

ขอเริ่มบรรยายอาหารก่อนเลยเป็นการยั่วน้ำลายเล่นๆ ร้านนี้ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า “ระเบียงทะเล” แสดงว่าอาหารทะเลก็ต้องเป็นไฮไล้ท์ รายการอาหาร อย่างเช่น ห่อหมกไข่ปลาเรียวเซียว, ปลาทูต้มมะนาว, ส้มตำหอยแครงเสิร์ฟพร้อมเส้นหมี่ และปูทะเลผัดซ้อสไข่เค็ม น่าลองสั่งทานดูนะ คือว่า มันไม่ได้ดูธรรมดาจนเกินไป แต่มันก็ไม่ได้แปลก หรือแหวกแนว จนเป็นอาหารฟิวชั่น อะไรเทือกนั้น แต่ที่อยากจะขอเรคคอมเมนด์สุดๆเลย คือ ปูทะเลผัดซ้อสไข่เค็ม เนื้อซ้อสไข่เค็มข้นได้ใจจริงๆ รวยร่ำไปด้วยรสชาติมันๆเค็มๆ สัมผัสได้ถึงความหยาบของเนื้อไข่เค็มที่ฟิตเต็มพิกัด พร้อมเนื้อปูทะเลซดดด สด เนื้อหนั่นแน่น ไม่เหละเหลว ในเนื้อปูทะเลก็มีความหวานมันในตัวมันอยู่แล้ว พอแทรกด้วยรสไข่เค็มเนี่ย เหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลย แล้วอีกจานที่ต้องบอกปากต่อปาก คือ กุ้งก้ามกรามทอดซ้อสมะขาม กุ้งตัวเขื่องนำมาทอดกรอบๆ ราดด้วยซ้อสมะขาม อวดความลงตัวของรสเปรี้ยว หวาน มัน และเค็ม ได้อย่างเพอร์เฟ็คจริงๆ...



ปูทะเลผัดซ้อสไข่เค็ม – จานนี้ราคาตามน้ำหนักของปู ซ้อสไข่เค็มข้นดี รวยร่ำด้วยรสชาติมันๆเค็มๆ สัมผัสได้ถึงความหยาบของเนื้อไข่เค็มที่เยอะเต็มพิกัด พร้อมปูทะเลตัวเขื่องที่เผยความสด ผ่านเนื้อแน่นๆ ไม่เละเหลว



ผัดชาวเกาะ – จานนี้เป็นรวมมิตรซีฟู้ด ประกอบด้วยปลาหมึก, กุ้ง และก้ามปู ซึ่งถูกนำมาชุบแป้งบางๆแล้วทอด เสิร์ฟโรยด้วยใบโหระพาทอด



กุ้งก้ามกรามทอดซ้อสมะขาม – กุ้งตัวเขื่องนำมาทอดกรอบๆ ราดด้วยซ้อสมะขาม อวดความลงตัวของรสเปรี้ยว หวาน มัน และเค็ม ดูแล้วว่าจานนี้ดูสะเด็ด เจือปนความเซ็กซี่อย่างไรบอกไม่ถูก



ปลากะพงราดพริกกระเหรี่ยง – ปลาสดๆ เนื้อเต็มๆ เหนียว แต่นุ่มดี เสิร์ฟราดด้วยซ้อสพริกไทยที่เคล้าปนมากับเม็ดพริกไทยสด สร้างความเผ็ดซ่าแบบสมุนไพร พร้อมกลิ่นหอมจากต้นหอมสับ, พริกป่น และกระเทียม



แกงส้มไข่ปลาเรียวเซียวหน่อไม้ดอง – ไข่ปลาเรียวเซียวรสชาติมันๆคล้ายไข่แมงดา แต่ขนาดโตกว่า นุ่มกว่า น่าทาน เมื่อนำมาสมรสร่วมกับแกงส้มใส่หน่อไม้ดอง จึงได้รสชาติที่มีเอกลักษณ์เป็นลูกผสม เปรี้ยวๆแต่มันๆ คล้ายๆกับคนหน้าตาฝรั่งแต่ตาตี่ๆ อะไรทำนองนั้น

รับรองรสชาติเด็ดอร่อยเหาะ (เห็นแล้วน้ำลายย้อย) ว่างๆลองนัดไปทานด้วยกันะจ๊ะ

ร้าน ICE Blinkz มิติใหม่ไอศกรีมโชว์ผัดสดๆ



ชว์วิธีทำแปลกใหม่ ผัดกันสดๆ แบบลูกต่อลูก นี่คือจุดขายของ “ ICE blinkz” (ไอซ์ บลิงคส์) ไอศกรีมแฟรนไชส์แบรนด์ไทยรายล่าสุด ซึ่งนำเทคนิคจากต่างประเทศ มาผสมกับรสชาติฉ่ำหวานของผลไม้ หวังสร้างกระแสฮิตโดนใจวัยรุ่นไทย
อภิลักษณ์ สิริกีรติกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ลีฟวิ่งไอเดีย จำกัด ผู้บุกเบิกแฟรนไชส์ไอศกรีมผัดสด “ICE blinkz” เผยว่า ไอเดียมาจากส่วนตัวต้องเดินทางติดต่อธุระต่างประเทศเป็นประจำ ในหลายๆ ประเทศ อย่างเกาหลี หรือแถบยุโรป นิยมกินไอศกรีมแบบผัดเป็นก้อนกันสดๆ อย่างมาก

ส่วนในประเทศไทยยังไม่มีมาก่อน แต่มีน้ำผลไม้ปั่น ซึ่งลักษณะจะคล้ายๆ กับวัตถุดิบที่ใช้ทำไอศกรีมผัด จึงเกิดไอเดียนำวิธีการทำไอศกรีมสดมาผสมกับน้ำผลไม้ปั่น แลวนำเสนอเป็นไอศกรีมโฉมใหม่ในเมืองไทย รวมถึง จะแตกต่างจากในต่างประเทศ ตรงใช้ผลไม้เป็นวัตถุดิบหลัก



ขั้นตอนผัดสด นำครีมราดลงกะทะ อุณหภูมิ -20 องศา

“จุดขายของ ICE blinkz คือ เทคนิคการทำที่แปลกใหม่ ทำสดลูกต่อลูก เรียกความสนใจจากลูกค้าที่ผ่านไปมา โดยเราเป็นเจ้าแรกในเมืองไทย ส่วนความอร่อยจากวิธีทำแบบนี้จะได้รสชาติที่สดฉ่ำกว่าไอศกรีมแช่แข็งทั่วไป ยิ่งใช้วัตถุดิบหลักเป็นผลไม้ เมื่อกินเข้าไปแล้วจะยิ่งรู้สึกสดชื่น และมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วย” อภิลักษณ์ อธิบาย และเผยต่อว่า



บริษัทฯ ใช้งบประมาณกว่าเจ็ดหลัก ในการวิจัยพัฒนา ทั้งตัวสินค้าจนได้สูตรลงตัว และเครื่องผัดไอศกรีมที่มีคุณสมบัติทำความเย็นได้ถึง – 20 องศา สามารถผัดไอศกรีมแข็งเป็นก้อนในเวลา 1-2 นาที ผลิตโดยโรงงานในประเทศจีน และเกาหลี รวมถึง เปิดร้าน ICE blinkz ในห้างเดอะ มอลล์ บางกะปิ เมื่อประมาณเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อทดสอบกระแสตลาด



ใช้เวลาแค่ 1-2 นาที จะกลายเป็นก้อนแข็ง

สำหรับแผนธุรกิจนั้น เลือกจะขยายแบบแฟรนไชส์ เพื่อให้แบรนด์ ICE blinkz เป็นที่รู้จักมากขึ้นในเวลารวดเร็ว โดยเงื่อนไขการลงทุนแฟรนไชส์ ใช้ทุนเบื้องต้นประมาณ 230,000 บาท โดย 200,000 บาทเป็นค่าอุปกรณ์ครบชุด และค่าแฟรนไชส์ ฟี (Franchise fee) ส่วน 30,000 บาทเป็นเงินประกันคุณภาพ จะคืนเมื่อยกเลิกสัญญาระหว่างกัน



อภิลักษณ์ เผยว่า ลูกค้าเป้าหมายไอศกรีม ICE blinkz ได้แก่ กลุ่มนักเรียน นักศึกษา และคนทำงานจบใหม่ ซึ่งกลุ่มนี้ชอบทดสอบของแปลกๆ ใหม่ๆ อยู่เสมอ และมีกำลังซื้อสูง โดยหัวใจที่จะกำหนดความสำเร็จของธุรกิจ คือ ทำเล ควรจะอยู่ในย่านสถานศึกษา หรือแหล่งวัยรุ่น ซึ่งขนาดพื้นที่ไม่จำเป็นต้องมาก แค่ประมาณ 6-15 ตารางเมตรเท่านั้น โดยเงื่อนไขผู้สนใจลงทุนต้องเป็นฝ่ายหาทำเลมาเสนอ จากนั้นบริษัทฯ จะมีทีมพิจารณา ถ้าวิเคราะห์แล้วเห็นว่า ไม่เหมาะจะบอกตรงๆ ให้เปลี่ยนหาทำเลใหม่เสีย



ทั้งนี้ ราคาขายปลีกหน้าร้านของ ICE blinkz กำหนดไว้ที่ลูกละ 39 บาท ซึ่งราคานี้ แฟรนไชส์ซีจะได้กำไรจากต้นทุนประมาณ 69% ถ้าหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด เช่น ค่าเช่า ค่าพนักงาน จะเหลือกำไรต่อหน่วยประมาณ 33% หากขายได้วันละ 70 ลูก/วัน สามารถคืนทุนได้ในเวลาประมาณ 8 เดือน โดยแฟรนไชส์ซี ควรมีเงินทุนหมุนเวียนสำรองประมาณ 100,000 บาท/เดือน

“ร้านต้นแบบที่เดอะมอลล์ บางกะปิ มียอดขายประมาณ 100 ลูกต่อวัน อีกทั้ง ICE blinkz มีรูปแบบที่ต่างออกไป จึงไม่มีคู่แข่งโดยตรงเลย ขณะที่กลุ่มลูกค้าหลักเป็นเด็กวัยรุ่นไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร มีผลกระทบต่อคนกลุ่มนี้น้อยมาก ประกอบกับ ภาพรวมของธุรกิจไอศกรีมในเมืองไทยในปีที่ผ่านมา (2550) อัตราเติบโต 100% จากปัจจัยเหล่านี้ ทำให้เชื่อว่า ธุรกิจนี้มีความน่าสนใจสำหรับผู้ลงทุน ซึ่งจะประสบความสำเร็จแบบยั่งยืนได้”



ในแง่ของการควบคุมคุณภาพแบรนด์ และแฟรนไชส์นั้น กำหนดต้องรับวัตถุดิบหลักจากบริษัทฯ เท่านั้น เช่น ครีมสำหรับทำไอศกรีม เป็นต้น นอกจากนั้น ก่อนเปิดร้านจริงมีการจัดอบรม และทุก 3 เดือนจะมีทีมตรวจสอบคุณภาพ เพื่อให้ปรึกษาแก้ปัญหาต่างๆ อีกทั้ง จะส่งเสริมการตลาดให้ต่อเนื่อง โดยสำรองงบปีนี้ (2551) ไว้ที่ 1 ล้านบาท สำหรับซื้อโฆษณา และทำกิจกรรมประชาสัมพันธ์ให้แบรนด์เป็นที่รู้จักของลูกค้ายิ่งขึ้น



ทั้งนี้ ไอศกรีมผัด ICE blinkz มีให้เลือกทั้งหมด 25 รส โดยกลิ่นและหัวเชื้อไอศกรีม ส่วนใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศ และบางส่วนเป็นวัตถุดิบในประเทศ เน้นใช้ผลไม้สดเป็นส่วนผสม เช่น แอบปริคอทและสตรอว์เบอร์รี่จากเชียงใหม่ เป็นต้น




ที่มา : ผู้จัดการ





แนะนำร้านอาหารญี่ปุ่น..สุดยอดอร่อยในกรุงเทพ

สวัสดีค่า
วันนี้มี 14 ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง รวมไปถึง Buffet Shabu Shabu ที่ชาว Get Better อยากจะขอแนะนำ้ให้เพื่อนๆลองไปชิมกันดูนะคะ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนจ้า... ใครเคยไปลองร้านไหนมาแล้วบ้าง อย่าลืมเข้ามาบอกกันหน่อยนะคะ >_<


1. ร้าน Sagano (ราเมน)
ราเมนอร่อยคุ้มราคาต้องร้านนี้ เมื่อชิมน้ำซุปคำแรกรู้เลยว่าที่นี่ตัวจริง น้ำซุปหอมเข้มข้นกลมกล่อมมีให้เลือกทั้งหมด 4 รส คือ โชยุ (ซีอิ๊วญี่ปุ่น) ชิโอะ (เกลือ) มิโซะ(เต้าเจี้ยว) และทงคตสึ (ซุปกระดูกหมู) สูตรเด็ดของน้ำซุปที่นี่ส่งมาไกลจากญี่ปุ่น จึงรับประกันความอร่อยแท้แบบต้นตำรับแน่นอน
H&C recommend : ชาชูชิโอราเมน, คาโมกาวาเรเมน, พิริคารา, ข้าวผัดกิมจิ, เกี๊ยวซ่า
ราคา : ราเมนเริ่มต้นที่ 150 บาท ลดเส้นลดราคา 20 บาท เพิ่มเส้นเพิ่มเงินอีก 20 บาท
สถานที่ : ซอยทองหล่อ 13 เลี้ยวซ้ายที่แยกแรก ร้านตั้งอยู่ทางขวามือ ข้างร้านมีที่จอดรถ

2. ร้าน Namba (พิซซ่าญี่ปุ่น)

นัมบะเปิดมาได้ไม่นานแต่ความอร่อยของพิซซ่านั้นเลื่องชื่อจนได้ Recommend จากนิตยสารหลายเล่ม พิซซ่ามีให้เลือก 2 แบบ คือแป้งหนาที่คุ้นเคยและแป้งบางที่หน้าตาคล้ายเครป แต่รสชาติเป็นญี่ปุ่นแท้
H&C recommend : พิซซ่าญี่ปุ่นหน้ารวม พิซซ่าหน้าอเมริกัน ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่น
ราคา : เริ่มต้น 200-300 บาท
สถานที่ : ชั้น 2 ตึกเจ อเวนิวทองหล่อ 13
อื่นๆ : เพิ่มความพิเศษโดยเติมเส้นโซบะ เอ็นเนื้อตุ๋น และไส้วัวทอดแบบต้นตำรับแท้ช่วยเพิ่มความอร่อยขึ้น

3. Katsu King (หมูทอดและของทอดอื่นๆ)

ครบเครื่องเรื่องของทอดต้องยกให้ที่นี่ สมดังชื่อ “Katsu King ราชาของทอด” อาหารแต่ละจานเป็นสูตรของแท้ดั้งเดิมที่ปรุงจากฝีมือเชฟชาวอาทิตย์อุ ทัยขนานแท้ ที่เด็ดโดดเด่นกว่าใคร คือ ซอสทงคัตซึรสหอมหวานผสมกับงาคั่วบุบแบบสดๆซึ่งบดด้วยตัวเอง รับประกันว่าถ้าได้ชิมคุณจะต้องชอบเมนูคัตซึขึ้นอีกโข
H&C Recoomend : สันในไส้ชีส
ราคา : อาหารจานเดียว 170 – 220 บาท แบบชุด 220 – 270 บาท
สถานที่ : ซอยสุขุมวิท 39 เข้าซอยไปประมาณ 500 เมตร ร้านอยู่ในโครงการ The Manor 39 จอดรถได้ในโครงการ
อื่นๆ : เพียงบอกว่ามาจากนิตยสาร H&C รับส่วนลดพิเศษ 10 % ตั้งแต่ 1 มีนาคม – 31 เมษายน 2551

4. ร้านอูโนฮานะ (น้ำเต้าหู้ เต้าหู้)
น้ำเต้าหู้ของร้านนี้ข้นกว่าที่เรากินทั่วไป มีเต้าหู้โอโบระเต้าหู้สดที่กินได้โดยไม่ต้องนำไปปรุง เนื้อหอม มัน นุ่ม เต้าหู้คินุ เนื้อนิ่ม เต้าหู้โมเมน เนื้อแข็ง เต้าหู้ทอดแผ่นบาง แผ่นหนา ทุกชนิดเนื้อนุ่มเนียนหอม
H&C recommend : น้ำเต้าหู้ เต้าหู้ขาว เต้าหู้ทอด
ราคา : น้ำเต้าหู้ขวด 20 บาท เต้าหู้ชิ้นละ 60 บาท
สถานที่ : สำนักงานอยู่ที่ สุขุมวิท 43 เข้าซอยประมาณ 300 เมตรอยู่ซ้ายมือ มีขาย 6 สาขา ที่ฟูจิซูเปอร์มาร์เก็ต 1และ 2 เอ็มโพเรียม อิเซตัน สยามพารากอน เซ็นทรัลชิดลม
อื่นๆ : มีซูชิหัวบุก และถั่วนัตโตะขายด้วย

5. ร้านคูโบต้า (เส้นบัควีทสด)

หน้าร้านเปิดเป็นร้านเล็ก ๆ ให้คนมานั่งกินได้ มีทั้งบะหมี่เย็น โซบะร้อน ความอร่อยอยู่ที่ความนุ่ม เหนียวของเส้น น่าจะเป็นร้านเดียวในกรุงเทพฯที่ได้กินเส้นโซบะสดอย่างบัควีท ใครที่ชอบเส้นหรือราเมนห้ามพลาด
H&C recommend : เส้นบัควีทสด บะหมี่เย็น
สถานที่ : สุขุมวิท 43 เข้าซอยไปประมาณ 300 เมตรอยู่ซ้ายมือ(ใกล้กับร้านอูโนฮานะ)
ราคา : เส้นบัควีทสด 120 กรัม 35 บาท โซบะชามละ 80 บาท
อื่นๆ : มีข้าวกล้องญี่ปุ่นที่นำไปแช่น้ำแล้วมีรากงอกเล็กน้อยขายด้วย ซึ่งคนญี่ปุ่นจัดว่าเป็นข้าวที่มีวิตามินสูงมาก

6. ร้าน Gindago (ขนมครกญี่ปุ่น)

ทาโกะยากิ ของร้านนี้ ลูกกลมใหญ่ ไส้แน่น หนวดปลาหมึกชิ้นโต โรยหน้าด้วยสาหร่ายคาเกะกลิ่นหอมและปลาแห้งคาซึโอะ เมื่อโดนทาโกะยากิร้อนๆ ปลาแห้งจะเต้นดุ๊กดิ๊กเหมือนมีชีวิต ราดด้วยมายองเนส และซอสที่ทำจากผักและผลไม้ รสเข้มข้นอร่อยอย่าบอกใคร
H&C recommend : ทาโกะยากิซอสต้นตำรับ ทาโกะยากิเทอริยากิซอส
ราคา : เริ่มต้นที่ 99-140 บาท
สถานที่ : เอสพลานาดรัชดา ชั้น B เยื้องทางเข้าท็อปซูเปอร์มาร์เก็ต

7. ร้าน Tohkai (เนื้อย่าง)
ด้วยเหตุที่เป็นผู้นำเข้าอาหารจากญี่ปุ่นรายใหญ่ยักษ์ของเมืองไทย ทำให้เชื่อมั่นได้เลยว่าคุณภาพอาหารแต่ละเมนูนั้นล้วนเป็นเกรดเอแน่น อน แถมราคายังถูกเหนือความคาดหมาย ถ้าใครชอบของปิ้งๆย่างๆมาร้านนี้ไม่ผิดหวัง และไม่ใช่ดีแต่วัตถุดิบเท่านั้น พ่อครัวยังเชี่ยวชาญด้านอาหารญี่ปุ่นมากว่า 30 ปีอีกด้วย
H&C recommend : เนื้อสันติดกระดูก สลัดสาลาดะ ข้าวผัดกระเทียม และเมนูเนื้อย่างแบบยาคินิคุ
ราคา : เริ่มต้นที่ 100 – 1,200 บาท
สถานที่ : เอสพลานาดรัชดา ชั้น 2 ใกล้บูทจองตั๋วภาพยนตร์
อื่นๆ : พิเศษเพียงแสดงบัตร H&C ได้รับส่วนลด 5% ทันที 1 – 31 มี.ค.51 และมีสาขาอีก 5 สาขา รับจัดเลี้ยงนอกสถานที่

8. ร้าน Wasabi (ไอศครีมวาซาบิ)
เพราะที่นี่เลือกใช้แต่วาซาบิสดที่ได้ขนาดและคุณภาพดีที่สุดเท่านั้น และด้วยความที่เป็นร้านญี่ปุ่นสไตล์โมเดิร์นนี้เอง ทำให้มีเมนูที่นำสมัยกว่าใครอื่น คือ “ไอศครีมวาซาบิ” มีทั้งรสเผ็ดและหวาน ร้อนและเย็นในคำเดียว เป็นรสชาติที่ยากจะบรรยาย ต้องลองด้วยตัวเองแล้วจะรู้ว่าหวานขึ้นจมูกเป็นยังไง
H&C recommend : ไอศครีมวาซาบิ ขนมหวาน 3 อย่าง (Kanmi san-shu mori)
ราคา : ไอศครีมวาซาบิ 65 บาท ของหวาน 45 – 120 บาท อาหาร 80 – 1,200 บาท
สถานที่ : เอสพลานาดรัชดา ชั้น 3 ใกล้ทางเข้าเอสพลานาดซีนีเพล็กซ์
อื่นๆ : พิเศษเพียงแสดงบัตร H&C ได้รับส่วนลด 10% เฉพาะอาหารและถ้าสั่งไอศครีมวาซาบิจะได้รับท็อปปิ้งเพิ่ม ตั้งแต่ 1 – 31 มี.ค นี้

9. ร้าน Heiroku sushi (ซูชิ)
Heiroku sushi เป็นที่ยอมรับของญี่ปุ่นจนมีร้านกว่า 200 สาขา คุณภาพของส่วนผสมที่ไม่ผิดเพี้ยนจากต้นแบบ เลือกใช้ของดี ของสด ซูชิร้านนี้จึงเรียกได้ว่าอร่อยคุ้มราคาจริง ๆ และยังใช้วาซาบิสดรวมทั้งชามัตชะชาเขียวเกรดดีที่เสิร์ฟฟรีแบบไม่อั้ น พนักงานบริการดีเยี่ยมไม่มีเซอร์วิสชาร์จ
H&C recommend : ข้าวปั้นหน้าปลามารุโกะ ข้าวหน้าหมูย่าง ข้าวห่อสาหร่ายไส้ปลาไหล เทมปุระด้ง สลัดซีฟู้ด ไข่ตุ๋น
ราคา : เริ่มต้นที่ 29-199 บาท
สถานที่ : ชั้น 7 ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ โซน Atrium

10. ร้าน Nobu Shabu (ชาบู)

ร้านโนบุมีอาหารให้เลือกมากมายหลายอย่าง ทั้งเนื้อวัว เนื้อแกะนำเข้าสไลด์บางรวมถึงลูกชิ้นชนิดต่างๆ บวกกับน้ำซุปที่มีให้เลือกถึง 4 ชนิด ทำให้ชาบู ชาบู ที่ร้านนี้มีวาไรตี้ในการกินมากขึ้นไปอีก มาคนเดียวก็มีหม้อเดี่ยวให้เลือกอร่อยได้ไม่แพ้มาเป็นกลุ่มเลย
H&C recommend : น้ำซุปมองโกลแบบเผ็ด ลูกชิ้นกุ้งสด ลูกชิ้นหมูเด้ง เกี้ยวกุ้ง กิมจิ แฮกึ๋นไต้หวัน
ราคา : เริ่มต้นที่ 35 – 950 บาท (เนื้อโกเบ) , บุฟเฟต์ 399++, ชาเขียว ชามุงิ(ชาข้าว) 40 บาท เติมไม่อั้น
สถานที่ : เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 7 หน้าลิฟต์แก้ว
อื่นๆ : ขนมจะแตกต่างกันไปในแต่ละวัน แล้วแต่เชฟ จะเปิดสาขาสองที่เซ็นทรัลสีลมเดือนเมษายนนี้

11. ร้านอากิโยชิ

โทร. 02-714-0791
ร้านเปิดทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 11 โมงถึงบ่าย 2 และ 6 โมงเย็นถึง 4 ทุ่ม
เสาร์และอาทิตย์ เวลา 11 โมงถึง 4 ทุ่ม
สำหรับร้านอาหารที่ขายชาบู-ชาบู และสุกี้ญี่ปุ่นที่อร่อยและโด่งดังที่สุดในกรุงเทพต้องมีร้าน AKIYOSHI ติดอันดับอยู่แน่นอนค่ะ เพราะเจ้าของร้านนำสูตรอาหารมาจากญี่ปุ่นโดยตรง รสชาติอาหารที่นี่เป็นเหมือนต้นตำรับไม่ผิดเพี้ยน การันตีได้จากบรรดาชาวญี่ปุ่นที่แวะเวียนมาทานอาหารที่นี่ไม่ขาด อาหารที่ร้าน AKIYOSHI จำหน่ายทั้ง ซูชิ ซาชิมิ เทมปุระ ข้าวหน้าต่างๆ แต่ที่เราอยากแนะนำวันนี้คือ บุฟเฟ่ต์ชาบู-ชาบู และสุกี้ญี่ปุ่น สนนราคาอยู่ที่หัวละ 370++

12. เวิร์ลสุกี้ บุฟเฟต์สุกี้

คนละ 190 บาท เปิดบริการ 11.00-23.00 ทำเล แถวย่านรัชดา
สนใจติดต่อ 0-2274-1461, 086-993-1060
สำหรับจุดเด่นของร้านเวิลด์ สุกี้ ถือว่าได้จัดสรรให้มีความมีความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ว่าจะเป็นหม้อสุกี้ที่แยกเป็นของแต่ละคนได้เลือกหยิบอาหารที่ตนเอ งชอบรับประทานมาต้นในหม้อสุกี้ รวมถึงห้องจัดเลี้ยงสำหรับครอบครัว มีให้เลือกไว้หลากหลายขนาด และจำนวนของอาหารแบบบุฟเฟต์สุกี้ ที่มีให้เลือกมากมาย เช่น กุ้งสด เนื้อวัว หมู ปลา หมู หอยตลับ และผักหลากหลายชนิด พร้อมน้ำจิ้มรสชาติเยี่ยมถูกปากคนไทย

13. ร้านโดนาเบะ หม้อดินสไตล์ญี่ปุ่น
ประเภทอาหาร สุกี้-ชาบู ชาบู
เปิดเวลา จันทร์-ศุกร์ 11.30 -14.30 และ 17.30-22.00
เสาร์-อาทิตย์ 11.30-22.00
ราคา 330 บาท net ต่อคน ราคานี้ประกอบด้วย All you Can eat น้ำชาร้อน ชาเย็น เนื้อ หมู ไก่ ทะเล ข้าวกะเทียม ไข่ ชุดผัก ถ้าจะทานชาบู ชาบู ก็เสียเพิ่ม

14. ชื่อร้าน : Inahou

เบอร์โทร : 02-236-1880
ที่ตั้ง : อยู่บนถนนพระรามสี่ อยู่ระหว่างอาคารศรีเฟื่องฟุ้งและตึกอื้อจือเหลียง ติดโชวรูมมาสด้า ตรงข้ามสวนลุมพีนี
ประเภท : อาหารญี่ปุ่นบุฟเฟ่ห์
เวลาเปิด : 11.00 - 14.00 และ 17.00 - 22.00
ราคา : กลางวันหัวละ 300 บาท net กลางคืนหัวละ 350 บาท net


ขอบคุณข้อมูลจากนิตยสาร Health&Cuisine

My Home

ขอต้อนรับเข้าสู่ My Home ร้านอาหาร และฟาร์มผักสลัด เพื่อคุณ เคยคิดไหมว่าการที่เรารับประทานอาหารสักมื้อ คุณค่าทางอาหารจะครบและมีคุณภาพหรือไม่ คุณค่าของอาหารย่อมมาด้วยองค์ประกอบของวัตถุดิบ หากวัตถุดิบที่ใช้มีคุณภาพ นั้นก็หมายถึงร่างกายก็จะได้รับประโยชน์จากอาหารมื้อนั้น
My Home ร้านอาหาร และฟาร์มผักสลัด บรรยากาศสบาย ๆ หลากหลายมุมให้เลือกนั่งพักผ่อน บริการอาหาร เครื่องดื่ม กาแฟสด ฟาร์มผักสลัด"ไฮโดเมนูอาหารของเราเน้นเพื่อสุขภาพ ปลอดจากสารพิษและสารตกค้าง ขอแนะนำเครื่องดื่ม เช่นกาแฟสด,นม,ชาซีลอนแท้,น้ำผลไม้สด-ปั่น,สมูตตี้ และเมนูอาหารอร่อยๆ เช่น สปาเก็ตตี้,มักกะโรนี,ข้าวไก่อบ-หมูอบ ,ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่น,สลัดและแซนวิชต่างๆ,สเต็กปลา,หมู,ไก่ และขอแนะนำ เบเกอรี่สุขภาพ Low Fat Cake, เค้กแบบต่าง ๆ, ขนมปังสดใหม่ เช่น ขนมปังโฮลวีท,วีทเจิม,งาดำ,แคลเซี่ยม,ธัญพืช และอื่น ๆ
มุมพักผ่อนริมน้ำ มุมฟังเพลงเบา ๆ หรืออ่านหนังสือในสไตล์ "โบกี้รถไฟ" มีฟาร์มผักสลัดไฮโดรโปนิกส์อยู่ในบริเวณร้าน ลูกค้าสามารถเลือกชมและซื้อผักสลัดสดจากฟาร์มได้ด้วยตนเอง

เมนูอาหารของเราเน้นเพื่อสุขภาพ ปลอดจากสารพิษและสารตกค้าง ขอแนะนำเครื่องดื่ม เช่นกาแฟสด,นม,ชาซีลอนแท้,น้ำผลไม้สด-ปั่น,สมูตตี้ และเมนูอาหารอร่อย ๆ เช่น สปาเก็ตตี้,มักกะโรนี,ข้าวไก่อบ-หมูอบ,ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่น,สลัดและแซนวิชต่างๆ,สเต็กปลา,หมู,ไก่ และขอแนะนำ เบเกอรี่สุขภาพ low fat cake, เค้กแบบต่างๆ, ขนมปังสดใหม่ เช่น ขนมปังโฮลวีท,วีทเจิม,งาดำ,แคลเซี่ยม,ธัญพืช และอื่น ๆ

*ตอบแทนร่างกายที่ใช้ในการดำรงอยู่ของชีวิตด้วยของขวัญที่ท่านเลือก ร้าน My Home จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้ท่านตัดสินใจได้ง่ายขึ้น


ร้านอาหาร มายโฮม

ซ.โกสุมรวมใจ 14 ถ.สรงประภาแขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ
โทร. 0-2981-0200 โทร. 0-8512-34458

เปิดให้บริการ จันทร์ -เสาร์ 07.30-9.00 น.

รถเสบียง

สำหรับคอบอลทั้งหลาย ร้านรถเสบียงเป็นอีกร้านหนึ่ง ที่อำนวยความสะดวกในการชมฟุตบอล ได้อย่างดี ภายในร้านตกแต่งแบบร่วมสมัย พร้อมโปรเจ็กเตอร์ขนาดใหญ่บริเวณด้านนอกร้าน

บรรยากาศของร้าน มีหลายมุมให้เลือกนั่ง บรรยากาศสบาย ๆ นั่งคุย นั่งเล่น เหมาะสำหรับมานั่งสังสรรการตกแต่งภายในจะมีรถไฟขนาดจิ๋วภายในร้าน มีการสร้างโมเดลจำลองรถไฟแต่งภายในดูหรูหรา เป็นโต๊ะไม้

กิจกรรมพิเศษ: 1.ถ่ายทอดสดฟุตบอล 2.เล่นดนตรีสด 3.เล่นดนตรีสด 2 วง คือ วงที่ 1 CET วงที่ 2 โรมิโอ
แนวเพลง: 1.เล่นสด 2.เปิดเพลง
ประเภทเครื่องดื่ม: น้ำผลไม้ คอกเทล โอเรียนเทียลเอกเพรส, Bridge over River Kwae

เมนูแนะนำประจำร้าน: ยำผักบุ้งทอดกรอบ ไก่ผัดเม็ดมะม่วง ปอเปี้ยพระจันทร์ แกงส้มชะอม ปลาเก๋าทอดกระเทียมพริกขี้หนู กระทงทอด

ที่อยู่: 3 สุขุมวิท 11 คลองเตยเหนือ วัฒนา กทม.10110
โทรศัพท์: 0-2253-5868
เส้นทางที่สะดวกในการเดินทาง: มีโลโก้รถไฟ มีจอโปรเจคเตอร์ดูกีฬาขนาดใหญ่ แหล่งจอดรถลานกว้าง สะดวกสบาย
เวลาเปิด-ปิด:17.00-02.00 น

Sortrel

ใครรู้บ้างว่าชื่อร้าน Sortrel มาจากคำว่าอะไร…..เฉลย มาจากคำว่า เลิศรส Lertros ไงหละ นี่เป็นส่วนหนึ่งของไอเดียสุดเก๋ของเจ้าของร้าน ที่ทำให้คุณอมยิ้มได้ นอกจากนี้ทางร้านจะเน้นบรรยากาศสบายๆกับการนั่งฟังดนตรีในช่วงหัวค่ำและมีความสนุกสนานในช่วงดึก
พร้อมให้ระบายความรู้สึกลงในกระดาษที่ทำเป็นผ้าปูโต๊ะพร้อมทั้งให้ระบายสีตามความต้องการ และเอากลับบ้านเพื่อเก็บเป็นความประทับใจได้ด้วย บรรยากาศของร้านจะแบ่งเป็น outdoor และ indoor โดยด้านนอกจะเน้นบรรยากาศธรรมชาติกับสายลมเย็นๆ นั่งคุยสบาย ๆ


ด้านในจะเป็นความสนุกสนานกับเสียงเพลงซึ่งเป็น live band และ folk song ภายในร้านจะตกแต่งด้วยฟอร์นิเจอร์ไม้ ให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเอง ซึ่งมี 2 ชั้น โดยชั้น2 เหมาะสำหรับจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ได้เป็นอย่างดี
สามารถจุคนได้ประมาณ 20-30 คน พร้อมเครื่องเสียงและเวทีร้องเพลง ซึ่งในคืนวันศุกร์เสาร์จะมีวงดนตรีมาเล่นชั้นบนด้วยนอกจากนี้ยังมีเมนูแนะนำคือ แพทะเล กะทิงคลุกฝุ่นเนื้อ หรือหมู เครื่องดื่ม Kamikaze ซึ่งมีทั้งหมด 6 สี
เมนูแนะนำประจำร้าน: แพทะเล กะทิงคลุกฝุ่นเนื้อ /หมู ปลากรายทอดน้ำปลา ปากเป็ดสมุนไพร
แนวเพลง: Live band and Folk song เล่นในแนว Pop and Pop Rock

ที่อยู่:1122 นราธิวาสราชนครินทร์ 17สาทร กรุงเทพฯ 10120
โทรศัพท์: 0-2676-4359
เส้นทางที่สะดวกในการเดินทาง:จากสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี ตรงมาประมาณ 200 เมตร ร้านอยู่ซ้ายมือ สามารถจอดรถได้บริเวณริมนราธิวาส-ราชนครินทร์ ตลอดเส้นทางและบริเวณด้านหน้าร้านและหลังร้าน

เวลาเปิด-ปิด:16.00-01.00 น.

ร้านบะหมี่ปั้นแป้ง

พี่เหมียว ธรรมรัตน์ เหลืองเจริญรัตน์ เจ้าของร้านปั้นแป้ง ร้านบะหมี่ชื่อดังแห่งซอยอารีย์ยิ้มบอกอย่างมั่นใจ สำหรับประวัติก่อนจะมาเปิดร้านปั้นแป้ง พี่เหมียวบอกว่า ครอบครัวทำโรงงานทำและส่งบะหมี่มาก่อน ตอนหลังก็คุยกันว่าอยากก้าวไปเพื่อหาโอกาสในทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่สุดเราก็คิดเมนูแปลก ๆ คิดมาใหม่ก็มีบะหมี่สาหร่าย บะหมี่ดำ เสร็จแล้วก็ถึงขั้นตอนในการหาลู่ทางในการจำหน่าย ก็เลยมาเปิดร้านนี้ขึ้นมา

จริงๆ แล้วเมนูที่เราคิดแปลกๆ ใหม่ๆ พี่ผมอยากจะให้ทำบะหมี่ตามปีเกิด (หัวเราะ) เนื่องจากผมไปเรียนเรื่องฮวงจุ้ยมา ซึ่งภายหลังก็เลยเป็นที่มาของชื่อร้านว่า ตั้งชื่อร้านว่า ปั้นแป้ง เพราะว่าแป้งเป็นอาหารหลักของชาวเอเชีย ดังนั้นอาหารหลักของร้านก็เป็นข้าวบะหมี่ พาสต้า (เป็นเส้นที่เอาสีมาจากปลาหมึกแต่ปริมาณที่ใส่ก็ไม่ได้เข้มข้นเหมือนกับสีของหมึกพาสต้า) นี่คือเมนูเด็ด เมนูขึ้นชื่อมาแล้วต้องสั่ง"

กินบะหมี่อร่อยๆ ก่อนแล้วจึงชิมบรรยากาศสวยๆ ตบท้ายสำหรับสไตล์การตกแต่งร้าน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ไม่ว่าแขกไปใครมากมักจะชมกันเปาะ โดยพี่เหมียวเรียกบรรยากาศแบบนี้ว่าความแตกต่างแบบตะวันออกร่วมสมัย

จริงแล้วผมตั้งใจให้ธีมมันสีขาวๆ ชั้นหนึ่งจะดูสว่างเหมาะกับความเป็นกลางวัน ส่วนชั้น 2 คุณได้นั่งตรงโซฟาคุณก็จะรู้สึกได้ว่ามันเหมือนกลางคืน คือมันเป็นลูกเล่นของงานออกแบบ ที่ต้องการจะสื่อความเป็นตะวันออกแล้ว ส่วนห้องด้านในนี้ความตั้งใจจริงอยากให้เป็นห้องสมุดที่สามารถนั่งพักผ่อนได้ แล้วก็จะมีมุมหนังสือ เพราะร้านมีการขายเค้ก (สุขภาพ)คู่ไปด้วย จริงๆ แล้วผมกับพี่ชายเป็นสถาปนิก นอกจากขายอาหารอร่อยๆ แปลกๆ เรายังขายการออกแบบคู่ไปด้วยครับ (หัวเราะ)

นอกจากนี้ ร้านปั้นแป้งยังมีบริการจัดส่งความอร่อยถึงบ้าน กฎส่งความอร่อยมีอยู่ว่า ถ้าระยะทางไม่เกิน 300 เมตร ส่งฟรี หรือว่าถ้าสั่งมากกว่า 300 บาทก็ไม่ต้องเสียค่าจัดส่ง อย่างไรก็ดีควรแจ้งทางร้านล่วงหน้าเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเตรียมอาหารให้พร้อมก่อน

เราพยายามทำให้ปั้นแป้งเป็นร้านที่นั่งได้สบาย ๆ และมีความหลากหลายอย่าง สาขาซอยอารีย์นี้ก็พยายามทำให้ของที่มีความต่าง บริการบรรยากาศดี ๆ ร้านสวย ๆ พูดง่าย ๆ ปั้นแป้งคือการทำให้สิ่งที่ไม่น่าเข้ากันได้อยู่ด้วยกันได้อย่างกลมกลืนครับ" เขาสรุปคำจำกัดความของร้านปั้นแป้ง

เมนูเด็ด ๆ ของที่นี่เช่น ทูน่าครีมซอสราคา 75 บาท หมูอบปั้นแป้งราคา 55 บาท ต้มยำราคา 55 บาท แกงกระหรี่ญี่ปุ่น ราคา 65 บาท แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากรายยอดมะพร้าวราคา 50 บาท ส่วนเมนูข้าวมีทั้งข้าวกล้อง และข้าวหอมมะลิ

ตบท้ายรายการอร่อยด้วยเมนูหวานๆ อย่าง โอรีโอชีส เชอรี่ (ราคา 60 บาท) สตอเบอร์รี่ปั่น(ราคา 40 บาท) น้ำผักรวม (ราคา 40 บาท) เค้กแครอทครีมชีส (ราคา 65 บาท)

เปิดวันจันทร์ ถึง เสาร์ เวลา 11.00–21.00 น.เฉพาะวันจันทร์และศุกร์ ปิดเวลา 22.00 น.

ที่ตั้ง 2/6 ซอยพหลโยธิน 7 จากปากซอยจากสถานีรถไฟฟ้าอารีย์ทางด้านขวามือประมาณ 100 เมตร สอบถามรายละเอียดได้ติดต่อ โทร.02-6197356

ฮาเวสต์ มูน (Harvest Moon)






ร้าน "ฮาเวสต์ มูน" เป็นร้านบรรยากาศแบบชานเมือง ที่เหมาะไปกับกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัว ร้านอาหารแนวธรรมชาติ พื้นที่กว่า 3 ไร่ ที่รายล้อมไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ แถมยังมีสวนองุ่นสวยๆ ด้วยสิคะ :)
อาหารที่นี่เน้นไปที่อาหารไทย และอาหารยุโรป ซึ่งวัตถุดิบคุณภาพดี ส่วนเครื่องดื่ม ขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือน้ำองุ่น ซึ่งมีสองสายพันธุ์นั่นคือ น้ำองุ่นพันธุ์ชิราซ (Shiraz) ที่ปรกตินำไปผลิตไวน์แดง และ น้ำองุ่นพันธุ์ แบล๊ค บิวตี้ ซีดเลสส์ (Balck Beauty Seedless) ที่ไม่มีเมล็ด
คราวนี้ลองมาดูที่เมนูอาหารกันมั่งดีกว่าคะ...
เมนูแรกขอเสนอ สลัดอกเป็ด ( อกเป็ดรมควันเนื้อนุ่ม โรยหน้าด้วยมอสซาเรลล่า และพาเมซานชีส อบจนด้านหน้ากรอบได้ที่)  ถัดมาคือ ผักขมอบชีส ( ผักขมเกรดดี ผัดกับเห็ด และวิปป์ครีม โรยหน้าด้วยมอสซาเรลล่า และพาเมซานชีส) จานที่สามต้องนี่เลยค่ะ ปลากระพงทอดน้ำปลา ( เน้อปลากะพงเลาะก้างออก ทอดจนกรอบเหลือง เสริฟพร้อมยำมะม่วง) 
เมนูต่อไป บาร์บีคิวซี่โครงหมู ( ซี่โครงหมูหมักด้วยสูตรพิเศษ จนหอม นุ่ม เสริฟ์พร้อมมันฝรั่ง) ส่วนจานนี้เด็กคงชอบแน่ๆ ชีสทอด ( ชีสชุปเกล็ดขนมปังทอดกรอบ) ฯลฯ
สำหรับใครที่ชอบบรรยากาศธรรมชาติๆ ยุ้ยขอแนะนนำร้านนี้เลยนะ บรรยากาศดี นั่งสบาย อาหารอร่อย ราคาไม่ถึงกับแพงมาก บอกได้คำเดียวว่า เยี่ยมไปเลย :)



ฮาเวสต์ มูน (Harvest Moon)
45/50 หมู่ 1 ถ.เลียบคลองภาษีเจริญฝั่งเหนทอ หนองแขม กทม. 10160
โทร. 02 807 6176-7
เวลาเปิดบริการ  : 
รอบที่หนึ่ง 11:00-14:00น.
รอบที่สอง 17:00-24:00น. (ทุกวัน)